วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555















และด่านหนึ่งที่ผู้สมัครแอร์โฮสเตสทุกคนจะต้องเจอแน่นอน คือ การสัมภาษณ์ด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งสาวๆ หลายต่อหลายรายต้องมาตกม้าตายในด่านนี้

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เราเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ควรรีบมาทำความรู้จักกับคำศัพท์และประโยคที่ใช้บ่อยๆ ในวงการบินกันดีกว่า เริ่มจากคำศัพท์กันก่อนเลย ดังนี้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สำหรับแอร์โฮสเตส (Air Hostess) (ชนิดของคำ) ความหมาย ตัวอย่างประโยค
·         airfare (noun) ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน The cost of your meal is covered in your airfare.
·      
   aisle (noun) ช่องทางเดินระหว่างที่นั่งบนเครื่องบิน Please keep your bags out of the aisle so that nobody trips.
·        
aisle seat (noun) ที่นั่งซึ่งอยู่ติดกับช่องทางเดิน I’ll give you an aisle seat in case you need to walk around with the baby.
·      
   assist (verb) ช่วยเหลือ Please wait until everyone is off the plane so that we can assist you.
·       
  baggage, luggage (noun) ถุงหรือกระเป๋าสัมภาระ I’m afraid your baggage got on the wrong airplane.
·         
baggage claim (noun) จุดรับคืนกระเป๋าสัมภาระ The announcement will direct you to the correct baggage claim.
·        
blanket (noun) ผ้าห่มกันหนาว If you feel cold I can get you a blanket.
·        
boarding pass (noun) ตั๋วโดยสารส่วนที่ต้องยื่นให้พนักงาน เมื่อขึ้นบนเครื่องบิน You must present your boarding pass at the gate.
·        
bumpy, rough (adj) การกระเทือนของเครื่องบินขณะบิน It might be a bumpy ride because we are flying through a storm.
·     
    cabin (noun) พื้นที่ภายในของเครื่องบิน There is no smoking allowed inside the cabin.
·         
call light (noun) ปุ่มที่ผู้โดยสารใช้กดเรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน If you need anything, just press the call light.
·        
captain (noun) นักบินหลักประจำเครื่องบิน Would the kids like to go and meet the captain?
·         
charter (noun) สายการบินราคาถูก If you take a charter it will cost you half as much.
·         
cockpit (noun) ที่นั่งประจำของนักบิน บนเครื่องบิน We aren’t doing any more tours of the cockpit because it’s almost time to land.
·         
comfortable (adj) สะดวกสบาย, สุขสบาย Because you have long legs you might be more comfortable in an aisle seat.
·         
complimentary (adj) อภินันทนาการ, ไม่คิดราคาเพิ่ม We offer complimentary coffee or tea, but you have to pay for alcohol.
·       
  co-pilot (noun) นักบินที่สอง, ผู้ช่วยนักบินหลัก If the captain gets sick the co-pilot can take over.
·        
domestic (adj) ภายในประเทศ You should be at the airport two hours ahead of time for domestic flights.
·        
emergency exit (noun) ทางออกฉุกเฉิน Are you comfortable sitting next to the emergency exit?
·         
e-ticket (noun) ตั๋วโดยสารเครื่องบินอิเล็กทรอนิก ซึ่งจ่ายค่าตั๋วผ่านทางเว็บไซต์ You will need to present your identification along with your e-ticket.
·         
excess baggage (noun) สัมภาระทีมีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด You can either pay for your excess baggage or leave one of your bags behind.
·        
first-class (noun/adj) ที่นั่งชั้นหนึ่ง เป็นชั้นที่นั่ง ที่จะได้รับการบริการพิเศษที่สุด When you sit in first-class you get a better meal to eat.

ต่อไปมาดูประโยคสนทนาพื้นฐานที่มักจะใช้กันอยู่บ่อยๆ ในวงการบิน ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการหรือผู้โดยสาร ลองมาดูกันว่าประโยคไหนน่าสนใจกันบ้าง
ผู้บริการ
Can I see your ticket, please? ผมขอตรวจดูตั๋วโดยสารของคุณได้หรือไม่ครับ

Do you have your passport with you? คุณนำหนังสือเดินทางมาด้วยหรือเปล่าครับ

I’ll need to see your child’s birth certificate. ผมขอดูใบสูติบัตรของลูกคุณหน่อยครับ

I’m afraid you passport has expired. เกรงว่าหนังสือเดินทางของคุณจะหมดอายุแล้วนะครับ

How many bags are you checking? คุณนำกระเป๋ามาด้วยกี่ใบครับ

Will you be bringing a carry-on bag? คุณจะนำกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องบินด้วยรึเปล่าครับ

I’ll afraid that bag exceeds the size restrictions. เกรงว่ากระเป๋าของคุณมีขนาดใหญ่เกินกำหนดนะครับ

Did you pack your bags yourself? คุณเป็นคนเก็บของใส่กระเป๋าเองหรือเปล่าครับ

Would you like an aisle or a window seat? คุณต้องการที่นั่งริมทางเดินหรือริมหน้าต่างครับ

Would you like a wheelchair? คุณต้องการรถเข็นรึเปล่าครับ

You’ll board at Gate 7. คุณจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ประตู 7
kkoa.jpg

Please be at the gate thirty minutes before your scheduled flight. กรุณาไปถึงประตูก่อนที่เที่ยวบินของคุณจะขึ้นประมาณ 30 นาที

Did you need any tags for your luggage? คุณต้องการป้ายติดกระเป๋าสัมภาระรึเปล่าครับ

Your flight is expected to take off on time. คาดว่าเที่ยวบินของคุณจะออกได้ตรงตามเวลา

Your flight has been delayed by one hour. เที่ยวบินของคุณต้องล่าช้าไปประมาณหนึ่งชั่วโมง

Flight 87B to Toronto has been canceled. เที่ยวบิน 87บี สู่เมืองโตรอนโต ถูกยกเลิกไปแล้ว

I’m afraid you’re too late to check-in. เกรงว่าคุณมาลงทะเบียนช้าไปแล้ว

Enjoy your flight. ของให้มีความสุขกับการบินครั้งนี้นะครับ

ฝ่ายผู้โดยสาร
I’m not sure which of these papers is my ticket.
ฉันไม่แน่ใจว่ากระดาษพวกนี้อันไหนคือตั๋วโดยสารของฉัน

Is it possible to get an aisle seat?
ฉันขอที่นั่งริมทางเดินได้ไหม

I requested a vegetarian meal. Can you check to confirm?
ฉันขออาหารแบบมังสวิรัต คุณช่วยตรวจดูให้หน่อยได้หรือเปล่า

Is it flight on time?
เที่ยวบินมาตรงเวลาหรือเปล่าคะ

Will they be serving a meal today?
จะมีบริการอาหารด้วยรึเปล่าคะ

Where can I get a luggage cart?
ฉันจะไปเอารถเข็นกระเป๋าได้ที่ไหนคะ

Can I use my laptop on board?
ฉันสามารถใช้โน้ตบุคขณะเครื่องบินกำลังบินได้หรือเปล่าคะ

คะและนี่ก็เป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ของตัวอย่างประโยค ที่ใช้ในอาชีพนี้นะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ๆ ๆ ๆเลยคร้า ^^//แอดมิน



Any question about Air-hostess ?
Q1 : คำนำหน้าเป็น นางสมัครแอร์ฯ ได้ไหม
A : 
ส่วนใหญ่แล้วข้อกำหนดของผู้สมัครงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จะมีการระบุไว้ว่า สถานภาพโสดก่อนที่จะสมัครงานตำแหน่งนี้ ถ้าพิจารณาจากสถานภาพโดยนิตินัยแล้ว การที่ผู้สมัครสายการบินนั้นๆ มีการจดทะเบียนสมรสชัดเจน เพราะฉะนั้นคำนำหน้าชื่อ-นามสกุล ก็บ่งบอกแล้วว่า นางคำตอบบอกได้ชัดเจนเลยว่า ไม่ได้แต่ถ้าเป็น นางแบบพฤตินัยก็น่าจะได้นะ ข้อกำหนดนี้มีขึ้นอาจจะเป็นเพราะการทำงานจะได้ราบรื่นปราศจากพันธะ แต่ถ้าทำงานไประยะหนึ่งแล้วไปแต่งงานทีหลังก็ไม่มีปัญหา

Q2 : ถ้าจะสมัครเป็นแอร์ฯ-สจ๊วดต้องได้คะแนน TOEIC อย่างต่ำเท่าไร
A : สำหรับข้อนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า ต้องการสมัครเข้าไปเป็นลูกเรือในสายการบินไหน สายการบินไทย สายการบินญี่ปุ่น สายหารบินเกาหลีหรือสายการบินตะวันออกกลาง ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีมาตรฐานระดับคะแนนสอบ TOEIC ไม่เท่ากัน แต่ในปีนี้ผลคะแนนต่ำที่สุดที่ประกาศรับสมัครออกมา คือ 550 คะแนน ส่วนมากจะอยู่ที่ 650 คะแนน ดังนั้นใครที่ต้องการสมัครหลายสายการบินก็ควรเตรียมตัวสอบให้พร้อมเพื่อสามารถนำผลคะแนนไปใช้ได้ในหลายๆ สายการบิน

Q3 : ถ้าไม่มีผลสอบ TOEIC แต่มีผลสอบ TOEFL หรือ IELTS อยู่แล้ว ใช้แทนกันได้ไหม
A : บางสายการบินยินดีรับผลคะแนนสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษแบบสากลประเภทอื่นๆ เช่น TOEFL หรือ IELTS โดยทั้ง 2 การสอบอย่างหลังนี้เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการเพื่อไปศึกษาต่อขั้นสูงมากกว่าที่จะวัดผลไปเพื่อการทำงาน ความยากง่าย และจุดประสงค์ในการวัดผลค่อนข้างต่างกัน และที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายในการสอบต่างกันมากๆ การสอบ TOEIC ผู้สอบต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสอบครั้งละ 1,000 บาท แต่ในการสอบ TOEFL ต้องจ่ายค่าสอบ 140 ฿ หรือ IELTS จะต้องจ่ายเงินค่าสอบประมาณ 5,700 บาทต่อครั้ง ใครอยากสอบแบบไหน จ่ายแบบไหน เลือกกันเอาเองเลย 

Q4 : สามารถสอบ TOEIC ได้ที่ไหนบ้าง
A : ศูนย์สอบ TOEIC จะเปิดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สอบกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้
ศูนย์ TOEIC ประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
ที่ตั้ง : เลขที่ 54 อาคาร Bangkok Business Building (BB Building) ห้อง Suite 1905-1908 ถนนอโศก (สุขุมวิท 21) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ : 0-2260-7061, 0-2260-7189, 0-2260-7535, 0-2259-8840, 0-2664-3131-2
โทรสาร : 0-2664-3122
E-mail : information@toeic.co.th
สำนักงานเขตภาคเหนือ
ที่ตั้ง : เลขที่ 4/6 อาคารนวรัฐ ชั้น 3 ถนนแก้วนวรัฐ ซอย 3 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 0-5324-8208, 0-5330-6600
โทรสาร : 0-5324-8202
E-mail : toeicnorthern@toeic.co.th
Website : www.toeic.co.th

Q5 : รู้มาว่า แอร์ฯ-สจ๊วดทำงานเป็นสัญญาจ้าง ปรกติแล้วจะจ้างกันกี่ปี
A : การจ้างงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ปรกติแล้วจะมีสัญญาจ้าง 1 ปี 3 ปี 5 ปี หรือปีต่อปีแล้วแต่ข้อตกลงของสายการบิน เมื่อครบกำหนดแล้วจะมีการพิจารณาการทำงานเพื่อต่อสัญญาจ้างอีกเพราะฉะนั้นในขณะที่ต้องปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบิน พนักงานจะถูกประเมินโดยหัวหน้าระดับสูงด้วย เพื่อที่จะนำผลการประเมินนั้นมาพิจารณาการต่อสัญญาอีก ถ้ามีการลาออกก่อนกำหนดก็ต้องจ่ายค่าปรับเช่นกัน

Q6 : ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นสมัครได้หรือเปล่า
A : สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถสมัครเป็นลูกเรือได้ เพราะบางสายการบินไม่ได้ระบุว่าเขาต้องการคนที่ว่ายน้ำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราก็ควรที่จะทำความคุ้นเคยกับการว่ายน้ำ หรือลงน้ำกันบ้าง เพราะเมื่อเราผ่านการคัดเลือกเข้าไปเป็นพนักงานต้อนรับแล้ว ช่วงที่ต้องฝึกอบรมด้านความปลอดภัย ทุกคนก็ต้องลงน้ำเพื่อช่วยเหลือตัวเองขึ้นบนแพยางให้ได้อยู่ดี เป็นอย่างนี้แล้วใครที่ว่ายน้ำไม่เป็น หรือเป็นโรคกลัวน้ำสุดๆ ขอแนะนำให้ไปทำความคุ้มเคยก่อนมาสมัครก็จะเป็นการดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะผ่านขั้นตอนคัดเลือกอื่นๆ มาแล้ว แต่ถ้าเทรนไม่ผ่านก็จบกัน

Q7 : สามารถทำสีผมได้ไหม
A : ทำสีผมในที่นี้ต้องถามก่อนว่าทำสีผมสีอะไร ส้ม แดง เขียว ทอง สีจัดจ้านทั้งหลายแหล่ก็ไม่ควร แต่ถ้าทำสีแบบสีธรรมชาติก็ได้แน่นอน อย่าลืมว่าเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการคัดเลือกเข้าทำงานในอาชีพนี้ด้วย ต้องดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า ผมก็ต้องทำให้เป็นทรง ผู้หญิงผมยาวก็ควรรวบผมติดเน็ต ถ้าใครเป็นผู้หญิงผมสั้นมามาดมั่นใจก็ไม่มีปัญหา ขอให้เซตผมให้เรียบร้อย ไม่ทำสี ไม่ไฮไลต์เป็นอันว่าใช้ได้ ส่วนผู้ชายก็ผมสั้นเข้าว่า ไม่ใช่ว่าซอยผมทรงรากไทรก็ไม่เหมาะสม อย่างการบินไทยก็ไม่ควรเซตผมแบบ wet look ด้วย
ดังนั้นเรื่องผมจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญด้วย เพราะเรื่องผมก็นับเป็นเรื่องของการให้คะแนน look ภายนอก ถึงแม้ว่าในบางสายการบินจะอนุญาตให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทำผมทรงไหนก็ได้ แต่เห็นได้ว่าไม่มีใครทำสีผมแบบประเภทสีสันจี๊ดจ๊าด ส่วนผมก็เซตกันเป็นทรงอย่างเรียบร้อย เพราะฉะนั้นตอนสมัครก็ควรดูดีทุกกะเบียดนิ้ว

Q8 : ควรเตรียมตัวเรื่องอะไรบ้าง
A : การเตรียมตัวเบื้องต้นที่ทุกคนควรจะเตรียมตัวอย่างแน่นอนเลยก็คือ เสื้อผ้า บุคลิกภาพ ภาษา ในเชิงวิชาการเรื่องของภาษาก็ต้องเตรียมสอบ TOEIC ที่ดีควรได้ 650 คะแนน การสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ต้องฝึกพูดให้ชัดเจนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมั่นใจที่สุด และเลือกที่สุภาพ เครื่องแต่งกายของแต่ละสายการบินกำหนดให้แต่งกายแตกต่างกันไป สำหรับผู้ชายสายการบินบางแห่งให้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับผูกเนกไท แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะแต่งยังไงดี ให้ยึดตามแบบสากลนิยมเข้าไว้ คือ ใส่สูทสีเข้าชุด หรือใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนกไทบวกกับรองเท้าหนังสีดำก็เรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้หญิงก็รองเท้าส้นสูง 2 นิ้วขึ้นไปเป็นดี มีเสื้อสูทแขนสั้นสวมทับเสื่อเชิ้ตด้านในหรืออาจจะเป็นเสื้อไหมพรหมบางๆ คอเต่า สีเข้ากันกับสูท กระโปรงประมาณเข่า จะผูกผ้าพันคอก็ได้ให้ดูตามความเหมาะสมของสายการบิน (เช่น สมัครเข้า JAL ผูกผ้าพันคอก็โอ.เค.น่ะ)
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลิกภาพ ต้องฝึกยืนให้ดูดีมีสง่า มั่นใจ ถ้านั่งสัมภาษณ์แล้วนั่งได้หลังตรงจะดีมาก

Q9 : มีแผลเป็นที่แขนสมัครแอร์ฯ ได้ไหม
A : ไม่ได้มีการห้ามไว้นี่ว่ามีแผลเป็นที่แขนแล้วห้ามสมัคร แต่ถ้าเป็นแผลเป็นที่ปูดโปนชัดเจนนอกร่มผ้าก็คงจะไม่ผ่าน เพราะตรงส่วนแขนเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด แต่ถ้ามีแผลเป็นเล็กน้อยแล้วรองพื้นเอาอยู่ก็น่าจะใช้ได้ ควรจะดูดีทั้งหมด เนื่องจากผู้โดยสารเองก็คงคาดหวังที่จะเห็นพนักงานต้อนรับที่ดูดีทั้งภายนอกและภายใน

Q10 : ที่เขาบอกว่ามีการทำ Group Discussion เราควรจะเตรียมตัวยังไงดี
A : ขั้นตอนในการคัดเลือกจะประกอบไปด้วยการสอบข้อเขียน การทดสอบความถนัด Aptitude Test หรือสอบจิตวิทยทางบุคลิกภาพ การสัมภาษณเดี่ยว และการสัมภาษณ์กลุ่ม ซึ่งการสัมภาษณ์กลุ่มก็มีในรูปแบบการอภิปรายในหัวข้อที่กรรมการเตรียมไว้ อาจจะเป็นเรื่องทั่วไปหรือเรื่องสถานการณ์ที่ตั้งไว้ให้ผู้ร่วมกลุ่มช่วยกันแก้ปัญหา
การเตรียมตัวก็ลองสมมุติสถานการณ์ดูหรือลองตั้งหัวข้อ พยายามคิดว่าจะตอบอย่างไร ฝึกการแสดงความคิดเห็น พยายามฝึกการวิเคราะห์และวิจารณ์ เพราะระหว่างการอภิปรายกลุ่ม จะมีคณะกรรมการคอยดูและให้คะแนนด้วย ควรแสดงออกอย่างพอดี ถ้าน้อยเกินไปหรือเด่นซะจนโอเวอร์ไม่ปล่อยให้คนอื่นพูดบ้างก็มีสิทธิ์ถูกตัดคะแนนได้เหมือนกัน

Q11 : ได้ยินมาว่ามีการ Walk-in คืออะไร และต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
A : ความจริงแล้ววิธีการสมัครมี 3 แบบ ด้วยกัน คือ การสมัคร Online, Walk-in และสมัครทางไปรษณีย์
-การสมัคร Online ถือว่าสะดวกที่สุดและสายการบินส่วนใหญ่ก็เปิดรับสมัครผ่านการออนไลน์แล้ว เพียงแค่กรอกข้อมูลตามขั้นตอนที่กำหนดแล้วแนบไฟล์รูปหรือเอกสารที่แจ้งไว้ ควรจะใช้ e-mail address ที่สามารถใช้ได้อย่างน้อยใช้ต่อได้อีก 1 ปี เพื่อการติดต่อกลับ เพราะสายการบินจะส่ง e-mail หรือจดหมายตอบกลับมา อย่าลืมว่าเมื่อกรอกแล้วต้อง print เอกสารใบสมัครออกมาด้วยและควรจำหมายเลขผู้สมัครของตัวเองให้ได้
-Walk-in ต้องเตรียมเอกสารทุกสิ่งอย่างให้ครบตามที่สายการบินนั้นกำหนด แล้วนำไปตามสถานที่ วัน และเวลาที่ประกาศไว้ พร้อมกับการแต่งกายให้เต็มที่ เรียบร้อยแบบสากลนิยม ส่วนใหญ่แล้ววันที่เปิดให้ Walk-in จะจัดขึ้นตามโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพฯ
-สมัครทางไปรษณีย์ ส่งเอกสารที่กำหนดไปตามที่อยู่ ที่สายการบินประกาศไว้ หรือบางสายการบินจะมีบริษัทตัวแทนเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร เอกสารที่ใช้อย่างน้อยก็ต้องเตรียมผลสอบ TOEIC สำเนาทะเบียนบ้าน Transcript สำเนาปริญญาบัตร สำเนาบัตรประชาชน เป็นต้น แล้วจะได้รับการตอบกลับทางโทรศัพท์หรือจดหมายจากสายการบิน

Q12 : ถ้าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง
A : นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับเป็นประจำแล้ว ลูกเรือจะได้รับค่าชั่วโมงบิน ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างบิน ที่พักเมื่อต้องเดินทางไปทำงานต่างแดน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทางและโบนัส นี่ยังไม่รวมถึงค่าซักรีดยูนิฟอร์มที่มีให้นะ นอกจากนี้ยังได้ตั๋วเครื่องบินฟรี (ตามกำหนด) และสิทธิพิเศษต่างๆ กับสายการบิน พร้อมกันนี้สิทธิพิเศษตั๋วเครื่องบินที่ครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย ซึ่งครอบครัวในที่นี้ หมายถึง พ่อ-แม่ สามีหรือภรรยาและลูก

Q13 : มีสายการบินไหนเปิดรับสมัครลูกเรือชาวไทยบ้าง
A : ข้อมูลล่าสุดในปี 2007 ที่มีประกาศ รับลูกเรือชาวไทย ก็มีอยู่สายการบินด้วยกัน เริ่มต้อนจากสายการบินภายในประเทศก่อนกันแล้ว หรับสายการบินในประเทศไทยที่รับสมัครลูกเรือไทย ได้แก่ สายการบินไทยนกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย พีบีแอร์ บางกอกแอร์เวย์ โอเรียนไทยและสัน-ทู-โก
ส่วนสายการบินต่างประเทศที่เปิดรับได้แก่ Gulf Air, Emirates Airline, Etihad Finnair, Kenya Airways, Kuwait airways, Lufthansa, Qantas Qatar, Royal Brunei Airlines, Royal joranian, United Airne, Asiana Airlines, China Airines} Eva AIR, JALways, Jet Airway, Jetstar Internatiomal Airlines, Korean Air, Pakistan Internation Airliones, Sky Star Airways

Q14 : สายการบินต้นทุนต่ำบางแห่งไม่มีบริการเสิร์ฟน้ำและอาหารบนเครื่องแอร์โฮสเตสจะมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
A : สำหรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ทำงานกับสายการบินต้นทุนต่ำนั้น มีหน้าที่ต้อนรับผู้โดยสาร ตั้งแต่ก้าวขึ้นบนเครื่องจนกระทั่งเดินลงเครื่องพร้อมทั้งให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร และดูแลผู้โดยสาร บนเครื่องให้เดินทางด้วยความปลอดภัย ในบางสายการบินมีการบริการขายอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารด้วย

Q15 : อายุไม่ครบ 20 ปี แต่เรียนจบปริญญาตรีแล้วสมัครได้หรือเปล่า
A : ไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเรียนจบปริญญาตรีตามที่เขากำหนดแล้วแต่อายุไม่ถึงก็ต้องรอจนกว่าอายุจะถึงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่รับสมัครคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะแสดงถึงการบรรลุนิติภาวะและการมีความสามารถรับผิดชอบในระดับหนึ่ง การพิจารณารับสมัครนั้น คุณสมบัติเบื้องต้นของการสมัครต้องพิจารณาประกอบกัน ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งก็ถูกตัดสิทธิ์

Q16 : ไม่เคยเรียนทางด้านธุรกิจการบิน หรือเรียนคอร์สเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นลูกเรือมาก่อน จะมีโอกาสได้ทำงานไหม
A : ต้องได้สิ เพราะไม่ได้มีการบังคับว่าจะต้องผ่านการเรียนคอร์สในสถาบันก่อนถึงจะมีโอกาสสมัครและได้งาน แต่การเข้าเรียนในสถาบันต่างๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมและช่วยเสริมความมั่นใจก่อนการสมัครจริง คนที่เรียนมาอาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่รู้ว่าต้องแต่งตัวอย่างไร ควรตอบสัมภาษณ์อย่างไร เขาอาจจะชินกับการผ่านการจำลองสถานการณ์มากกว่า แต่โอกาสที่จะได้งานทำนั้น ผลตัดสินอยู่ที่ความสามารถ ความมั่นใจ และบุคลิกภาพที่เราจะสามารถนำเสนอต่อกรรมการต่างหาก
แต่เรื่องการเรียนในสถาบัน มีบางคนผ่านการคัดเลือกแล้วก็มีมาเรียนเพิ่มเติมความรู้ด้วยถึงแม้ว่าจะต้องฝึกอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย เพราะอาชีพนี้ทริปยุโรปสุดหรู หรือการลงจอดฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

Q17 : หน้าตาไม่สวย ไม่หล่อสมัครลูกเรือได้หรือเปล่า
A : การเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ความสวยหรือความหล่อก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรามีความโดดเด่นหากเดินเข้าไปสมัคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสวยความหล่อแต่เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้เราได้รับคัดเลือก แต่ยังต้องประกอบไปด้วยส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น บุคลิกภาพที่สง่างาม มีจิตใจที่ชอบงานบริการ หรือเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ร่าเริงแจ่มใส มีไหวพริบปฏิภาณที่ดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถฝ่าฟันด่านการทดสอบต่างๆ ไปได้มากกว่า

Q18 : ทำงานอาชีพนี้ ทางสายการบินมีการกำหนดวันหยุดอย่างไร
A : ในขณะที่คนอื่นได้หยุดในช่วง Long Weekend แต่คนที่ทำงานในอาชีพนี้ไม่ได้หยุดพักต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เพราะเป็นช่วงทำรายได้ให้กับสายการบิน เที่ยวบินก็อาจจะเพิ่มขึ้น การทำงานสายการบินนี้ไม่มีวันหยุดแน่นอน ถ้าอยากทำงานตรงนี้ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เราก็ต้องทำงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับตารางการบิน
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะต้องบินทุกวันทั้งเดือน เพราะมีการกำหนดชั่วโมงบินไว้ด้วย แถมวันหยุดไม่ได้บินก็มีเวลาพักเดินเล่นต่างประเทศอีกต่างหาก

Q19 : มีความสามารถมากกว่า 3 ภาษา มีโอกาสได้เป็นลูกเรือมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า
A : ในบางสายการบินมีการแจ้งในการประกาศรับสมัครว่า หากรู้ภาษาที่ 3 จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษนั่นก็หมายความว่ามีโอกาสมากกว่าแน่นอน และเรื่องของการรู้ภาษาที่ 3 จะมีโอกาสพิเศษกว่าก็ต่อเมื่อกรณีที่ผู้สมัครมีคุณสมบัติเท่ากันทุกประการ แต่อีกคนหนึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าในเรื่องของภาษาที่ 3 กรณีนั้นอาจจะถือว่าเป็นโอกาสที่ได้มากกว่า
ส่วนคนที่เข้าไปทำงานเป็นแอร์ฯ-สจ๊วดแล้ว จะมีการติดธงภาษา ซึ่งจะบ่งบอกว่าคนๆ นั้นรู้ภาษาแล้วสามารถสื่อสารภาษาอะไรได้บ้าง ถ้าผ่านการทดสอบภาษาที่รู้เพิ่มเติมก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน)

Q20 : จะสมัครเป็นลูกเรือสายการบินที่ไหนดีระหว่างสายการบินของเอเชียกับสายการบินต่างชาติ
A : แล้วแต่ความต้องการ แต่เราควรจะดูว่าเราเหมาะสมกับสายการบินไหน สายการบินเอเชียกับสายการบินต่างชาติมีสไตล์แตกต่างกัน คุณสมบัติและลักษณะการรับลูกเรือที่เขาต้องการถึงแม้ว่าจะไม่ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องการคนที่มีลักษณะ (เฉพาะ) แบบใด แต่สไตล์คนที่รับต่างกัน เช่น สายการบินเอเชียอาจจะชอบคนที่อ่อนโยน นอบน้อม ในขณะที่สายการบินอื่นๆ ชอบคนที่มีความมั่นใจสูง
ส่วนข้อแนะนำอีกข้อหนึ่งคือ บางสายการบิน มีฐานบินอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นลูกเรือต้องหอบกระเป๋าไปอยู่ที่นั่นด้วย เช่น สายการบินเอมิเรตส์ที่ลูกเรือจะต้องอยู่ประจำที่ดูไบ หรือ Dubai base แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะดวกสบาย เพราะเขาจัดที่พักลูกเรือไว้อย่างดีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีไว้ให้อย่างเพียบพร้อมแล้ว แค่ต้องคิดดูว่าตัวเราสามารถอยู่ห่างบ้านได้ไหม เท่านั้นล่ะ



เรื่องเล่าจากนางฟ้า(เรื่องจริงของแฮโฮสเตทท่านหนึ่ง^^)

ความฝันของเธอก็เป็นจริง                                          
           
ชีวิตของเธอยู่ในอาชีพแอร์โฮสเตสหรือพนักงานบริการบนเครื่องบินมา 5 ปีแล้ว เธอก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปคือใฝ่ฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสตั้งแต่เด็ก ประกอบกับมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินของการบินไทยไปเที่ยวกับคุณพ่อ ซึ่งเด็กหญิงสุตารู้สึกว่าช่วงเวลาของการอยู่บนเครื่องบินเป็นช่วงที่ประทับใจ พนักงานบนเครื่องให้ความใส่ใจดูแลเด็กผู้หญิงอย่างเธอดีมาก ทำให้เธอรู้สึกดีกับอาชีพแอร์โฮสเตสตอนแรกไม่กล้าบอกใครว่าอยากเป็นแอร์ฯ เพราะรู้สึกว่ายาก แล้วก็เขิน ขี้อาย แต่คุณพ่อก็สังเกตเห็นแล้วว่าเราอยากเป็นแอร์ฯ เพราะพอคุณพ่อจะขึ้นเครื่องบินทุกครั้งพ่อจะถามว่าอยากได้อะไร เราบอกไม่อยากได้อะไรเลย ขอแค่ซองน้ำตาล ซองพริกไทย ของอะไรที่มีโลโก้ของการบินไทย คุณพ่อก็จะเอามาฝากทุกครั้ง คุณพ่อถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ก็บอกคุณพ่อว่าอยากเป็นแอร์ฯ คุณพ่อจะไกด์ให้ว่าต้องเน้นเรื่องภาษา เรียนมัธยมเลยเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษา พอเรียนมหาวิทยาลัยก็เลือกนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณาประชาสัมพันธ์”  เมื่อเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ความฝันของเธอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เธอหาข้อมูลการเตรียมความพร้อมตลอดว่า หนทางการเข้าสู่อาชีพแอร์โฮสเตสมีอะไรบ้าง เมื่อทางการบินไทยเปิดรับสมัครจึงไม่พลาดโอกาส
              
             “คุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้เราต้องมีเบสิกก็คือเราต้องมีอายุระหว่าง 20-26 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักก็ต้องสัมพันธ์กับส่วนสูงด้วย สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และที่เราต้องเตรียมคือหัดว่ายน้ำ เพราะจะมีทดสอบให้ว่ายไปกลับ 50 เมตร  ภาษาอังกฤษต้องมีผลสอบโทอิคไม่ต่ำกว่า 600 คะแนน ถ้ามีความสามารถภาษาอื่นด้วยบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนั้นต้องเตรียมเรื่องบุคลิกภาพด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยถามรุ่นพี่ๆ ที่เป็นแอร์ฯได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง   รุ่นพี่ก็จะช่วยแนะนำว่าต้องแต่งตัวไปยังไง ให้เรียบร้อยดูดีแบบไหน
เมื่อผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ก็กรอกใบสมัครซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวด้านภาษามาให้ดี ขั้นต่อไปคือการสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการจำนวนหลายคน   “ตื่นเต้นมากวันที่สัมภาษณ์ คณะกรรมการเขาจะสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ จำได้เขาถามว่า ทำไมถึงอยากเป็นแอร์ฯ คนอื่นเขาอาจจะตอบกันว่าอยากท่องเที่ยวแต่สำหรับตัวเองจริงๆ คือเกิดมาก็อยากเป็นแอร์ฯแล้วแอร์ฯเป็นอาชีพในฝัน ตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้จะจะต้องทำให้ได้ ส่วนท่องเที่ยวก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ตามมามากกว่า”   คำตอบของเธอคงทำให้คณะกรรมการเล็งเห็นในความรักอาชีพนี้ 
                
               เธอสอบสัมภาษณ์ผ่าน ขั้นต่อมาคือสอบว่ายน้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากถ้าเตรียมตัวและฝึกฝนมาแล้วต่อจากนั้นคือการตรวจร่างกาย เพราะการงานทำอาชีพนี้หลักสำคัญคือสุขภาพต้องแข็งแรง เพราะนอกจากต้องดูแลตังเองแล้วยังต้องเป็นคนที่ดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารคนอื่นด้วย เมื่อผลการตรวจร่างกายผ่าน ลำดับต่อไปคือการเข้าฝึกอบรม  “สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึก ทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระเปำยา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้วก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ 
       
                วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก”   การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แรกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด
               
               หลายคนคงอยากรู้ว่าแอร์โฮสเตสทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้องมาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่าวันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์คือใคร อินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใคร มีบริการแบบไหน มีเรื่องพิเศษอะไรบ้างมีผู้โดยสารที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟ เครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไง นอกจากนั้นทุกคนจะต้องดูวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและมีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อนที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน
               
            “แล้วเราจะต้องมาถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของการเตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง อาหารพิเศษของผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสารได้เลย ทุกคนก็จะมายืนประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร”  
 ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ต้องคอยดูแลผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวก  เธอจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ                                                                                               

            “ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเองก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการหูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจากไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อนร่วมงานเหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัดวันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัทคำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่าความเหนื่อยให้ว่าเราจะต้องพักผ่อนเท่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไปประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว
               
             สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมากับงานแอร์โฮสเตส สุตาบอกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เพราะได้ทำในสิ่งที่ฝัน ถามเธอว่าจะทำอาชีพนี้ต่อไปอีกไหม เธอบอกคงทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สภาพร่างกายยังแข็งแรงและสมบูรณ์


















22 ความคิดเห็น:

  1. ว้าววว อยากเปนขึ้นมาทันทีเรยคะ

    ขอบคุณ สำหรับความรุ้ ดีดี นะคะ

    ตอบลบ
  2. เนื้อหาดีมากๆเลยค่ะ เป็นบล้อกที่ ให้ความรู้ครบถ้วยเลยทีเดียว มีตัวอย่างประโยคแล้ว ยังมี คลิปจากยูทูป เป็นตัวอย่าง อีก ชอบมากค่ะ
    อ่านแล้ว อยากจะเป็น แบบนี้บ้าง จัง ><

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาดีมากๆๆเลยคะ

    ตอบลบ
  4. น่าสนใจมากคะ
    อยากจะเป็น angle

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีนะ คะ อยากเป็นกับเค้าบ้างอ่ะ

    ตอบลบ
  6. ชอบมากเลยค่ะ เป็นความฝันตั้งแต่เด็กเลย ขอบคุณที่ให้ความรู้ดีๆนะค่ะ

    ตอบลบ
  7. เป็นความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ

    ตอบลบ
  8. มีเนื้อหาสาระที่ดีมากเลยค่ะขอบคุณความรู้ดีๆนะค่ะ

    ตอบลบ
  9. เนื้อหาละเอียดดี ได้ความรู้มากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  10. ได้คสามรู้ใหม่เยอะเลย

    ตอบลบ
  11. อยากบินได้ อยากเป็นนางฟ้ามากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ มีความรุ้เยอะเลย

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณค่ะ มีความรุ้เยอะเลย

    ตอบลบ
  13. เยี่ยมเลยค่ะ กำลังคิดยุเหมือนๆกันนะ อิอิ

    ตอบลบ
  14. ความฝันตอนเปนเด็กเลยค่ะ แต่ส่วนสูงไม่ถึง ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ นะค่ะ

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ26 กันยายน 2555 เวลา 03:50

    wow!!...อ่านเนื้อหาแล๊วอยากเป็นนางฟ้าบ้างจังเลย....เนื้อหาดีมากเลยค่ะชอบมากเลยค่ะ....เดี๋ยวรีบอ่านจะได้ไปเตรียมเป็นสาวแอร์บ้างดีกว่า

    ตอบลบ
  16. ขอบคุนเนื้อหาดีๆค่ะ เผื่อจะได้มีโอกาสไปเป็นนางฟ้ากะเค้าบ้าง อิอิ

    ตอบลบ
  17. อยากเป็นนางฟ้ากะเค้ามั่งจัง !!!

    ตอบลบ
  18. เปนความรุ้ดีมากเลยครับ กำลังจะหาข้อมูลอยู่พอดี ปล.ประกายพลอย

    ตอบลบ
  19. ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ

    ตอบลบ
  20. ขอมูลดีมากครับ เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจมากๆ

    ตอบลบ